ข้อสอบครูผู้ช่วย จากสนามสอบจริง
1. ทางราชการอนุญาตให้ใช้เวลาราชการเพื่อไปศึกษาต่อภาคนอกเวลาราชการได้ และใช้เวลาราชการบางส่วน โดยใช้เวลาราชการได้ ไม่เกินวันละกี่ชั่วโมง
ก. 30 นาที
ข. 1 ชั่วโมง
ค. 1 ชั่วโมง 30 นาที
ง. 3 ชั่วโมง
2. กรณีที่ต้องการไปศึกษาต่อภายในประเทศ ภาคนอกเวลาราชการ โดยไม่ใช้เวลาราชการไปศึกษา ต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. แจ้งให้ผู้บริหารทราบด้วยวาจา
ข. แจ้งให้ผู้บริหารทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
ค. ขออนุญาตผู้บริหารสถานศึกษาตามระเบียบ
ง. ไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
3. ข้อใดเป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินผล
ก. แบบสังเกต
ข. การตรวจแบบฝึกหัด
ค. การใช้แฟ้มสะสมผลงาน
ง. การสังเกตการทำงาน
4. ข้อใดเป็นเครื่องมือสำหรับการประเมินผล
ก. แบบทดสอบแบบเลือกตอบ
ข. การซักถาม
ค. การพิจารณาผลสำเร็จของงาน
ง. การใช้แฟ้มสะสมผลงาน
5. ข้อใดต่อไปนี้เป็นวิธีการประเมินผล
ก. การซักถาม
ข. แบบสังเกต
ค. คำถามแบบเช็ครายการ
ง. ข้อทดสอบ
6. ข้อใดเป็นวิธีการประเมินผลตามสภาพจริงของนักเรียนได้มากที่สุด
ก. การพิจารณาผลสำเร็จของงาน
ข. การสังเกต
ค. การใช้แบบทดสอบ
ง. ตรวจแบบฝึกหัด
7. การแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกับผู้อื่น โดยนำผลงานเสนอ เช่น จัดนิทรรศการหน้าชั้น ห้องสมุด หรืองานของโรงเรียน เป็นส่วนใดของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ก. การบูรณาการประสบการณ์เข้ากับตนเอง
ข. การสร้างความคิดรวบยอด
ค. การปฏิบัติฝึกทักษะและการสร้างชิ้นงาน
ง. ชื่นชมผลงานและประยุคใช้
8. "เพื่อให้มีความรู้และเกิดทักษะในการม้วนตัวที่ถูกต้องได้" ข้อความนี้สัมพันธ์กับข้อใด
ก. วัตถุประสงค์
ข. ขั้นตอนกิจกรรม
ค. สื่อการเรียนรู้
ง. การประเมินผล
9. ใบความรู้เรื่องการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ก. จุดประสงค์
ข. ขั้นตอนกิจกรรม
ค. สื่อการเรียนรู้
ง. การประเมินผล
10. ข้อใดต่อไปนี้เป็นกิจกรรมประเมิน
ก. การตรวจสอบ
ข. แบบประเมินผลการนำเสนอ
ค. แบบสังเกตทักษะการม้วนตัว
ง. ทักษะการม้วนตัว
11. ข้อมูลข่าวสารราชการ หากมีบางส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยให้ดำเนินการเช่นใด
ก. ห้ามเปิดเผยทั้งฉบับ
ข. ให้ขีดฆ่าด้วยหมึกแดง
ค. ให้ลบหรือตัดตอนข้อความนั้น
ง. ให้ดำเนินการข้อใดข้อหนึ่ง
12. ภารหน้าที่สำคัญของหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนราชการคือข้อใด
ก. พิมพ์ข้อมูลข่าวสารลงในราชกิจจา
ข. จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนได้ตรวจดู
ค. ทำข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้ขอ
ง. ถูกทุกข้อ
13.กรณีประชาชนไม่ได้ดูข้อมูลข่าวสารจากราชการหรือไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควรจะร้องเรียนต่อหน่วยงานใด
ก. สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ
ข. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
ค. ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้น ๆ
ง. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
14. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ควรเปิดเผยหน่วยงานรัฐต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. แจ้งให้ประชาชนได้ทราบ
ข. ประกาศห้ามในราชกิจจานุเบกษา
ค. ลบหรือตัดทอนข้อมูลข่าวสารนั้น
ง. ทำคำสั่งมิให้เปิดเผย
15. ข้อมูลข่าวสารใด หน่วยงานราชการเปิดเยไม่ได้
ก. ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
ข. รายงานบทบาทการแพทย์ของบุคคลใด ๆ
ค. ข้อมูลเกี่ยวกับราชการทางทหาร
ง. ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
16. เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐ ได้เปิดเผยข้อมูลโดยดำเนินการถูกต้องตามระเบียบโดยอำนาจสมควร
แก่เหตุ และเพื่อประโยชน์อันสำคัญเกี่ยวกับสาธารณะหากเข้าค่ายต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด
ก. ถือว่าปฏิบัติสุจริตแล้ว
ข. ไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
ค. รับผิดชอบตามความผิดนั้น
ง. ไม่ต้องรับผิดชอบหากกระทำโดยสุจริต
17.ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. บุคคลตัวแทนบุคคลมีสิทธิได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารของบุคคลนั้น
ข. ให้จัดทำคำขอดูข้อมูลหรือสำเนาข้อมูลนั้นได้
ค. หน่วยงานต้องให้ตรวจดูให้สำเนาได้ เว้นแต่ข้อมูลที่มิให้เปิดเผย
ง. ถูกทุกข้อ
18. ข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐประสงค์จะเก็บรักษา หรือมีอายุครบเก็บ จะต้องเก็บรักษาหรือจัดให้ประชาชนได้ศึกษาที่หน่วยงานใด
ก. สำนักงานทะเบียนกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร
ค. สำนักงานทะเบียนกลางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ง. ให้หน่วยงานรัฐนั้น ๆ ทำลายตามระเบียบงานสารบรรณ
19. ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ มีอายุการเก็บรักษากี่ปี
ก. 20 ปี
ข. 25 ปี
ค. 35 ปี
ง. 75 ปี
20. ข้อมูลที่มีคำสั่งมิให้เปิดเผยหากมีอายุการเก็บครบ 20 ปี แต่หน่วยงานรัฐเห็นว่ายังไม่ควร
เปิดเผยต้องของขยายเวลาส่งเก็บรักษา โดยขยายเวลาไม่เกินคราวละกี่ปี
ก. 1 ปี
ข. 5 ปี
ค. 7 ปี
ง. 10 ปี
หน้าที่เข้าชม | 22,401 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 17,699 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ก.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |